1.เมื่อเวลาผ่านไปบวกกับอายุที่มากขึ้น โครงสร้างของใบหน้าและผิวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
โครงกระดูกใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงตามการสลายของกระดูก, Volume loss มีการสูญเสีย ปริมาตรบนใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าตอบและไม่สดใส ที่สาคัญเลยคือเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดลง โดยปกติจะเริ่มสร้างลดลงตั้งแต่อายุเข้าประมาณ 20 ปี และเมื่ออายุถึงวัย 45ปี การสร้างคอลลาเจนในผิวจะยิ่งเริ่มลดน้อยลง จึงทาให้สังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับเหมือนเดิม เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนสาคัญในการพยุงโครงสร้างของผิว หากคอลลาเจนลดลงจะทาให้ผิวหย่อนคล้อยและเสียรูปทรงได้
2. คอลลาเจนคืออะไร มีทั้งหมดกี่ชนิด แต่ละชนิดมีความแตกต่างหรือสำคัญอย่างไรบ้าง?
– คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80 % เป็นโครงสร้างสำคัญของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ เป็นต้น โดยในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่สำคัญและเราสามารถพบได้บ่อยมีด้วยกัน 3ชนิด
1.) คอลลาเจน Type1 เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกายพบมากอยู่ในผิวหนังและเส้นเอ็น มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง
2.) คอลลาเจน Type2 ที่เป็นเส้นใยที่หลวมกว่า Type1 พบมากอยู่ในกระดูกและข้อต่อ
3.) คอลลาเจน Type3 พบมากอยู่ในผิวหนังและหลอดเลือด แต่ไม่แข็งแรงเท่ากับคอลลาเจน Type1
3. คอลลาเจนชนิดไหนที่จำเป็นต่อผิวของเรามากที่สุด?
– ต้องบอกว่าคอลลาเจนที่มีความสำคัญกับผิวหนังของเราต้องการมากที่สุดก็คือคอลลาเจน Type1 ที่พบมากที่สุดในผิวหนัง แต่รู้มั๊ยครับว่ายิ่งอายุเรามากขึ้นกลับกันร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไปเราจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนในผิวปีละ 1- 2% และเมื่ออายุถึงวัย 45 ปีการสร้างคอลลาเจนในผิวจะยิ่งเริ่มลดน้อยลง สัญญาณอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้คือ ผิวของคุณจะไม่กระชับเหมือนเดิม เกิดริ้วรอยต่างๆที่ชัดเจนขึ้น ซึ่ง Sculptra หรือ Original Collagen Biostimulator เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น โดยตามผลการวิจัยจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type1 ได้มากเทียบเท่ากับ Sculptra เลยในตอนนี้
4. Sculptra คืออะไร
– Sculptra คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทาให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
Sculptra เป็น collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ทาให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไม่มีผลหรืออาการข้างเคียงใดๆ ให้เป็นกังวล
5. Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับใคร หรือผู้ที่มีปัญหาผิวแบบไหน?
-Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย เพราะ Sculptra เป็นอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น ผิวดูแน่นอิ่มฟู และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า Sculptra ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมากๆ กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งก็เป็นที่พึงพอใจกับคนไข้ที่ฉีดไปเป็นอย่างมาก
6. ผู้ที่ฉีด Sculptra ควรจะต้องทำการรักษากี่ครั้งที่จะเห็นผลลัพธ์ สามารถทำต่อเนื่องกันได้มั๊ยหรือต้องเว้นห่างกันนานกี่สัปดาห์?
– ผลลัพธ์หลังการฉีด Sculptra จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ และจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากการฉีดประมาณ 2 – 3 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยตามผลการวิจัย Sculptra จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง collagen type1 เป็นคอลลาเจนตัวที่ผิวของเราต้องการมากที่สุดด้วย โดยทั่วไปควรจะทำการฉีด 2 – 3 ครั้ง โดยเว้นระยะในทุกๆ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
7. หลังการรักษาด้วย Sculptra สามารถเห็นผลได้ทันทีเลยหรือไม่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่?
– ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย Sculptra จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่องอย่างธรรมชาติ หน้าจะดูไม่แข็งแต่ให้ความเป็นธรรมชาติมาก เพราะอนุภาคของ Sculptra หรือสาร PLLA-SCA จะค่อยๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึกและเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ทำให้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังการฉีดไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี
8. หลังการรักษาด้วย Sculptra มีผลข้างเคียงอะไรมั๊ยที่ต้องเป็นกังวล และมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน?
– อาการทั่วไปหลังการฉีดในช่วง 1-2 วันแรกแล้วจะหายไปเองจะมีเพียงอาการบวม แดง ช้ำหรือมีอาการปวดเล็กน้อย ผลข้างเคียงอื่นๆ ส่วนมากก็จะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่หากหลังจากฉีดไปแล้วอาจจะมีคลำเจอตุ่มนูนหรือก้อนเล็กๆใต้ผิวหนังก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ สามารถทำตามที่คุณหมอแนะนำไว้ได้เลยคือให้เน้นนวดบริเวณที่ฉีด Sculptra มาเพื่อให้ก้อนเล็กๆ เหล่านั้นสามารถกระจายตัวได้ดีขึ้นและอนุภาคของสารที่ฉีดไปจะไม่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อน นอกจากนี้ Sculptra ยังสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ตกค้างในร่างกาย และ Sculptra ยังถือเป็น collagen biostimlator ตัวแรกของโลกและตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US-FDA ยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยต่อร่างกายของคนไข้ได้เป็นอย่างดี
9. แนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนที่จะมารักษาด้วย Sculptra ว่ามีอะไรบ้าง?
– การเตรียมตัวก่อนจะมาทำการรักษาคงจะคล้ายๆกับการรักษาแบบอื่นๆ ทั่วไป คือต้องไม่ฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการตัวอื่นๆ มาก่อนประมาณ 2 – 4 อาทิตย์ รวมถึงควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดเพื่อป้องการอาการพกช้ำ รวมถึงงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
10. คำแนะนำหลังจากการรักษาด้วย Sculptra ควรจะดูแลตัวเองอย่างไรบ้างหรือต้องระวังอะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี?
– หลังจากการฉีดคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นนะครับ แต่สามารถประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำการฉีดในช่วง 24 ชม.แรก เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า/การอบไอน้ำเป็นระยะเวลา 24 ชม.ก่อน รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวี จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายไป นอกจากนี้ต้องไม่ไปฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการอื่นๆหลังจากที่ฉีดมาแล้ว เว้นไปประมาณ 2 – 4 อาทิตยหลังจากนี้ และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้เลยนะครับหลังจากฉีด Sculptra ไปแล้วต้องคอยนวดโดยใช้หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า และไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ง่ายๆ แต่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น