สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราล้วนเต็มไปด้วยสารโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น สารตะกั่ว สารปรอท แคดเมียม สารหนู และอะลูมิเนียม โดยร่างกายของเรารับเข้าไปจากการหายใจมลพิษต่างๆ การกินอาหารที่มีสารปนเปื้อน แม้แต่การใช้เครื่องสำอาง ยาแผนโบราณ ก็อาจพบสารโลหะหนักผสมอยู่ได้ ร่างกายเราสัมผัสกับสารโลหะหนักอยู่ตลอดเวลา จากอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือสารระเหยที่เราอาจสูดดมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสารพิษดังกล่าว ร่างกายของเราจะได้รับเข้ามาทีละเล็กน้อย การสะสมของสารโลหะหนักมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกาย เช่นหัวใจ หลอดเลือด สมอง ตับ ไต เป็นต้น ซึ่งพิษของสารโลหะหนักมีทั้งแบบแบบเฉียบพลัน และเป็นแบบเรื้อรัง สารโลหะหนักในร่างกาย หากถูกสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิด สารอนุมูลอิสระ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มโรคเรื้อรังเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง เป็นต้น
อาการของผู้ที่เป็นพิษจากสารโลหะหนักในร่างกาย
เกิดอาการปวดศีรษะบ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก อ่อนเพลีย ล้าง่าย มีอาการเหน็บชาบริเวณปลายมือปลายเท้า เป็นตะคริวบ่อยๆ มีผื่นแพ้ หรือลมพิษ
ใครที่มีความเสี่ยงที่จะมีสารโลหะหนักตกค้างในร่างกาย
ได้แก่ ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้บริเวณโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ที่ทำงานใกล้ หรือสัมผัส สารเคมี ไอละเหย มลพิษ เป็นเวลานาน ผู้ที่มีกิจกรรมภายนอกบ้าน หรือกลางแดดบ่อย หรือเป็นเวลานาน ผู้ที่รับประทานอาหารนอกบ้านเป็นประจำ เช่น อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ผู้ที่ชอบแต่งหน้า ทำสีผม ทำเล็บ ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารทะเล ผู้ที่มีวัสดุอุดฟัน ผู้ที่รับประทานผักผลไม้ที่การปนเปื้อนยาฆ่าแมลง เป็นต้น
หากสงสัย ว่าอาจจะมีสารโลหะหนักเป็นพิษตกค้าง สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจได้ โดยถ้าหากตรวจพบว่ามีสารโลหะหนักเป็นพิษตกค้างจริง แพทย๋ก็จะสามารถแนะนำการรักษาต่อไป โดยการรักษาสารโลหะหนักตกค้างก็คือการทำ คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) นั้นเอง
